ข้อบังคับชมรม

ชมรมผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง

ฉบับปรับปรุงแก้ไขครั้งที่ ๑ วันที่ ๑๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

หมวดที่ 1 ชื่อสถานที่ตั้งและเครื่องหมาย

ข้อ 1. ชมรมนี้ชื่อ “ชมรมผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง”
มีชื่อภาษาอังกฤษว่า “PINTHONG INDUSTRIAL ASSOCIATION”
ใช้ชื่อย่อภาษาไทยว่า “ชปท.” ใช้ชื่อย่อภาษาอังกฤษว่า “PIA“
ข้อ 2. สถานที่ตั้งชมรม ที่ทำการชั่วคราว เลขที่ 234/58 หมู่ 11 ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี 20110 โทรศัพท์ 080-078-0724 โทรสาร 038-348-382 (ชั่วคราว)
ข้อ 3. เครื่องหมายของชมรม

--------------------------------------------------------------------

หมวดที่ 2 วัตถุประสงค์

ข้อ 4. วัตถุประสงค์
4.1 เพื่อเป็นศูนย์กลางสำหรับสมาชิก และสถานประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง
4.1.1 แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เป็นแหล่งเพิ่มพูนความรู้
4.1.2 เป็นแหล่งข้อมูลด้านอุตสาหกรรม บริหารงานบุคคล แรงงานสัมพันธ์
4.1.3 จัดทำกิจกรรมร่วมกัน และดำเนินการให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.โรงงานอุตสาหกรรม กฎข้อบังคับการนิคมอุตสาหกรรม และกฎข้อบังคับของกระทรวงแรงงานและสวัสดิการ
4.2 เพื่อให้ความช่วยเหลือส่งเสริมและพัฒนาระหว่างกลุ่มสมาชิก เพื่อขจัดปัญหาระหว่างพนักงานด้วยกัน
4.3 ประสานงานกับเจ้าของหรือตัวแทนของนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง ในด้านการปรับปรุง หรือแก้ไขระบบสาธารณูปโภค และร่วมรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วยกัน
4.4 เพื่อส่งเสริมสัมพันธภาพอันดีระหว่างสมาชิกชมรม หรือสถาบันอื่น

--------------------------------------------------------------------

หมวดที่ 3 ประเภทสมาชิก

ข้อ 5. สมาชิกมี 3 ประเภท คือ
5.1 สมาชิกประเภทบุคคล
5.2 สมาชิกประเภทสถาบัน
5.3 สมาชิกประเภทกิตติมศักดิ์
ข้อ 6. สมาชิกประเภทบุคคล หมายถึง ผู้ที่ทำงานด้านบริหาร หรือผู้ที่มีหน้าที่การงานและทำงานประจำอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง หรือผู้ที่มีความสนใจ
ข้อ 7. สมาชิกประเภทสถาบัน หมายถึง สถาบันประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง หรือใกล้เคียง หรืออื่น ๆ ที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรม พาณิชยการ ธุรกิจ หรือสถาบันการศึกษาที่มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรม การบริหารงานบุคคล และแรงงานสัมพันธ์ สมาชิกสถาบันมีสิทธิ์แต่งตั้งตัวแทน (ผู้แทน) ไม่เกินสถาบันละ 2 คน
ข้อ 8. สมาชิกกิตติมศักดิ์ หมายถึง ผู้ทรงคุณวุฒิ หรือผู้ที่มีความสามารถรอบรู้ในด้านบริหาร หรือการบริหารธุรกิจทั่วไป ซึ่งคณะกรรมการชมรมฯ เห็นสมควรจะเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์

--------------------------------------------------------------------

หมวดที่ 4 สมาชิกภาพ
ข้อ 9. การสมัครเข้าเป็นสมาชิกจะต้องยื่นใบสมัครต่อเลขานุการชมรมฯ ตามแบบที่ชมรมฯ กำหนดไว้เพื่อสมทบต่อที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาอนุมัติ
ข้อ 10. สมาชิกหมดสภาพลงเมื่อ
10.1 ตาย
10.2 ลาออก
10.3 บุคคลวิกลจริต หรือเสมือนไร้ความสามารถ
10.4 เป็นบุคคลที่ล้มละลาย หรือเลิกกิจการในกรณีเป็นสมาชิกสถาบัน
10.5 นำความเสื่อมเสียชื่อเสียงมาสู่ชมรมฯ ซึ่งคณะกรรมการชมรมลงมติให้ลบชื่อออกโดยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนคณะกรรมการทั้งหมด
ข้อ 11. สมาชิกต้องรับผิดชอบในค่าบำรุงและหนี้สินอันเกิดจากการกระทำของสมาชิกต่อชมรมฯ

--------------------------------------------------------------------

หมวดที่ 5 ค่าบำรุง

ข้อ 12. ค่าบำรุงประจำปี สำหรับสมาชิก ให้ถืออัตรา ดังต่อไปนี้
12.1 สมาชิกประเภทบุคคล ปีละ 500 บาท
12.2 สมาชิกประเภทสถาบัน ปีละ 1,200 บาท
12.3 สมาชิกประเภทกิตติมศักดิ์ ไม่เก็บค่าสมาชิก
ข้อ 13. ผู้ที่สมัครเข้าเป็นสมาชิกใหม่ ต้องชำระค่าบำรุงภายใน 30 วัน นับแต่วันที่คณะกรรม
การอนุมัติเข้ารับเป็นสมาชิก ถ้าสมัครเข้าเป็นสมาชิกหลัง 6 เดือนให้เสียค่าบำรุงเพียงครั้งหนึ่ง
ข้อ 14. กำหนดให้สมาชิกชำระค่าบำรุงประจำปีภายใน 120 วัน นับตั้งแต่ที่ประชุมใหญ่ประชุมสมาชิกทุกปี

--------------------------------------------------------------------

หมวดที่ 6 สิทธิ และหน้าที่ของสมาชิก

ข้อ 15. สมาชิกประเภทบุคคลและผู้แทนของสมาชิกประเภทสถาบันเท่านั้น มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนที่ประชุม และที่ประชุมและเข้าร่วมประชุมในกรณีเป็นสมาชิกประเภทสถาบันมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนได้สถาบันละ 1 เสียง
ข้อ 16. สมาชิกประเภทบุคคลและผู้แทนสมาชิกประเภทสถาบัน มีสิทธิในการรับเลือกตั้งหรือรับการแต่งตั้งเป็นกรรมการของชมรม
ข้อ 17. สมาชิกมีสิทธิเข้าร่วมประชุมเสนอความคิดเห็นซึ่งคณะกรรมการจัดขึ้น 6 เดือน ต่อครั้งเป็นประจำ นอกจากสมาชิกสามารถซักถามกิจกรรมของชมรมต่อคณะกรรมการตลอดจนลงชื่อไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 ของสมาชิกทั้งหมดร้องขอให้เรียกประชุมใหญ่วิสามัญได้
ข้อ 18. สมาชิกมีสิทธิใช้บริการของชมรมได้ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดดังนี้
18.1 การสัมมนา การอบรม วิชาการและอื่นๆ
18.2 การขอรับ ปรึกษาด้านระบบสาธารณูปโภค
18.3 ให้คำปรึกษาการฝึกอบรม
18.4 การเสริมสร้างประสบการณ์ของงานบุคคล
ข้อ 19. สมาชิกมีหน้าที่ ต้องชำระค่าบำรุงชมรมตามระเบียบที่ระบุไว้
ข้อ 20. สมาชิกมีหน้าที่
20.1 แสวงหาแนวทางการสร้างความมั่นคงให้กับชมรม
20.2 นำเสนอข้อมูล, ปัญหาในสถานประกอบการของตน เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์
20.3 ร่วมวิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหานำเสนอเพื่อหาแนวทางป้องกันและแก้ไข
ข้อ 21. สมาชิกมีหน้าที่ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของชมรม

--------------------------------------------------------------------

หมวดที่ 7 คณะกรรมการ

ข้อ 22. ให้มีกรรมการอย่างน้อย 7 ท่าน หรือที่ประชุมใหญ่เห็นสมควร
ข้อ 23. ให้มีคณะกรรมการตามข้อ 22 หมวดที่ 7 โดยการเลือกตั้งจากที่ประชุมใหญ่จำนวนอย่างน้อย 7 ท่านและให้กรรมการจัดให้มีการประชุมภายใน 15 วัน นับแต่วันประชุมใหญ่ เพื่อเลือกประธานชมรม เลขานุการ เหรัญญิก และคณะกรรมการบริหารในตำแหน่งอื่นๆ
ข้อ 24. ให้ประธานชมรมที่รับเลือก แต่งตั้งกรรมการ หรืออนุกรรมการในตำแหน่งอื่นๆเพิ่มขึ้นได้ตามเหมาะสม และกำหนดหน้าที่ต่างๆเพื่อบริหารงานชมรม
ข้อ 25.ประธานชมรมมีสิทธิที่จะแต่งตั้งที่ปรึกษาชมรมได้ตามความเหมาะสม แต่ไม่เกินกว่า 5 ท่าน
ข้อ 26. คณะกรรมการบริหารชมรม จะอยู่ในตำแห่งคราวละ 2 ปี
ข้อ 27. เมื่อได้ดำเนินการตามข้อ 22, 23, 24, และ 25 ของหมวดที่ 7 แล้ว ให้แจ้งสมาชิกทราบ ภายใน 30 วัน นับจากวันประชุมใหญ่
ข้อ 28. เมื่อตำแหน่งกรรมการตำแหน่งใดว่างลง ให้ประธานชมรมแต่งตั้งสมาชิกขึ้นแทน โดยได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ กรมการใหม่ทีได้รับการแต่งตั้งจะดำรง***ตำแหน่งแทนได้เพียงเท่ากำหนดเวลาของคณะกรรมการที่ตนแทนเท่านั้น
ข้อ 29. คณะกรรมการที่ต้องออกตามวาระมีสิทธิได้รับการเลือกตั้งจากที่ประชุมใหญ่หรือได้รับการแต่งตั้งตามข้อ 28 หมวดที่ 7 ให้กลับเข้ามาเป็นคณะกรรมการได้อีก แต่ต้องไม่ดำรงตำแหน่งใด ตำแหน่งหนึ่ง เกิน 2 ปี ติดต่อกัน
ข้อ 30. นอกจากถึงคราวออกตามวาระแล้ว กรรมการอาจพ้นตำแห่งด้วยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
30.1 พ้นจากสมาชกสภาพ
30.2 ที่ประชุมใหญ่ลงมติไม่ไว้วางใจด้วยคะแนนเสียงไม่ต่ำกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนผู้มีสิทธิ ออกเสียงที่เข้าประชุม
30.3 และได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการให้ลาออกแล้ว
30.4 เมื่อสมาชิกประเภทสถาบัน แจ้งต่อชมรมเป็นลายลักษณ์อักษรขอเพิกถอนผู้แทนของตน ซึ่งเป็นกรรมการออก จากการเป็นกรรมการหรือผู้แทน
ข้อ 31. คณะกรรมการทำหน้าที่ดังต่อไปนี้
31.1 กำหนดนโยบายการบริหาร และวางระเบียบการปฏิบัติงานของชมรม
31.2 ดำเนินกิจกรรมให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
31.3 จัดให้มีการประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและประสบการณ์ รวมถึงการให้ความรู้ทางปฏิบัติและวิชาการแก่สมาชิกอย่างน้อย 1 เดือน / ครั้ง
31.4 พิจารณาการอนุมัติการรับสมัคร
31.5 แต่งตั้งและถอดถอนอนุกรรมการ ทั้งนี้ระยะเวลาการแต่งตั้งอนุกรรมการดังกล่าวจะมีกำหนดเวลา เท่ากับวาระของคณะกรรมการที่เหลืออยู่

--------------------------------------------------------------------

หมวดที่ 8 การประชุมใหญ่สามัญประจำปี

ข้อ 32. ให้มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ปีละ 2 ครั้ง เพื่อ
32.1 รับรองรายงานการประชุมใหญ่ประจำปี ครั้งที่ผ่านมา
32.2 แถลงกิจการ และผลงานที่ได้กระทำแล้ว
32.3 แถลงงบดุล แถลงสถานการเงินของชมรม
ข้อ 33. ให้ประธานชมรมทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ถ้าประธานชมรมฯ ไม่อยู่หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองประธานชมรมทำหน้าที่แทน ในกรณีที่รองประธานไม่สามารถทำหน้าที่ได้ ให้เลขานุการหรือกรรมการท่านอื่น ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบทำหน้าที่แทน
ข้อ 34. มติของที่ประชุม ให้ถือเสียงข้างมากในกรณีคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมลงคะแนนชี้ขาด
ข้อ 35. การยกเลิกเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข หรือเพิ่มเติมระเบียบข้อบังคับของชมรมจะกระทำได้โดยมติที่ประชุม
ข้อ 36. ในการประชุมใหญ่ เพื่อเลือกคณะกรรมการผู้บริหารชุดต่อไป ให้ที่ประชุมใหญ่เลือก สมาชิก 1 ท่าน เพื่อทำหน้าที่ เป็นผู้ดำเนินการเลือกคณะกรรมการชุดใหม่

--------------------------------------------------------------------

หมวดที่ 9 การเงินและการดำเนินการ

ข้อ 37. การเงินของชมรมให้ฝากไว้ในกับธนาคาร ซึ่งคณะกรรมการจะเป็นผู้กำหนด
ข้อ 38. คณะกรรมการเป็นผู้มีอำนาจ ใช้เงินเพื่อดำเนินกิจการให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของชมรม
ข้อ 39. การเบิกจ่ายเงินทุกครั้งต้องมีเหรัญญิก ลงลายมือชื่อกับประธานชมรม หรือรองประธานชมรมหรือเลขานุการชมรมผู้ใดผู้หนึ่ง
ข้อ 40. การทำนิติกรรมใดๆในนามชมรม หรือประธานชมรม หรือรองประธานชมรม หรือเลขานุการชมรม ลงลายมือชื่อกับกรรมการท่านใดท่านหนึ่ง จึงจะถือว่าเป็นการกระทำของชมรม

--------------------------------------------------------------------

หมวดที่ 10 การจัดชมรมและการปิดบัญชี

ข้อ 41. ชมรมเลิกได้โดยมติที่ประชุมใหญ่ อันประกอบด้วยคะแนนเสียง ไม่ต่ำกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนสมาชิกที่ประชุม
ข้อ 42. เมื่อเลิกชมรมแล้ว บรรดาทรัพย์สินของชมรมที่เหลือจากการชำระบัญชี ให้มอบแก่องค์กรการกุศล มูลนิธิ สถาบันการศึกษาที่เป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย ซึ่งที่ประชุมใหญ่จะเป็นผู้กำหนด

--------------------------------------------------------------------